เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา กรมสรรพากรได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ใหม่ โดยให้มีผลในปีภาษี 2558 เป็นต้นไป ทำให้หลายคนสงสัยว่า จะกระทบกับการลงทุนในกองทุน LTF หรือ RMF ของเราหรือไม่ K-Expert มีคำตอบมาฝากค่ะ
เงินได้ที่ต้องเสียภาษี
สำหรับเงินได้ที่ต้องเสียภาษีก็เป็นรายได้ที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น เงินเดือน ค่าล่วงเวลา โบนัส รวมทั้งเงินได้จากวิชาชีพอิสระ เช่น หมอ นักบัญชี นักกฎหมาย สถาปนิก วิศวกร เป็นต้น ส่วนรายได้ที่ไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งตามหลักเกณฑ์ใหม่ไม่สามารถนำมารวมเป็นฐานในการคำนวณเพื่อซื้อกองทุน LTF/RMF มีหลายประเภท เช่น เงินรางวัลจากการถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล กำไรจากการขายกองทุน LTF ที่ขายคืนแบบถูกเงื่อนไข เงินที่ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเมื่ออายุ 55 ปีขึ้นไป และเป็นสมาชิกกองทุนฯ มาแล้วอย่างน้อย 5 ปีต่อเนื่องกัน เป็นต้น
ขอยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากหลักเกณฑ์ใหม่ดังนี้ค่ะ ในปี 2558 นาย ก มีรายได้ทั้งปี 1,000,000 บาท ขายกองทุน LTF แบบถูกเงื่อนไขได้กำไร 100,000 บาท ถ้าอิงตามเกณฑ์เดิมที่สามารถนำกำไรจากการขายกองทุน LTF มารวมเป็นฐานเพื่อซื้อกองทุน LTF ในปีที่ขายได้ นาย ก จะซื้อกองทุน LTF ได้สูงสุด 1,100,000 x 15% = 165,000 บาท แต่ถ้าใช้เกณฑ์ใหม่ นาย ก จะซื้อกองทุน LTF ได้เพียง 1,000,000 x 15% = 150,000 บาทค่ะ
จะเห็นได้ว่า การเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี จะกระทบกับผู้ลงทุนที่นำรายได้ซึ่งไม่ต้องเสียภาษีมารวมคำนวณเป็นฐานเพื่อซื้อกองทุน LTF/RMF แต่ถ้าปกติแล้ว เรานำเฉพาะรายได้ที่เสียภาษีมาคิดเป็นฐาน ก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ครั้งนี้ค่ะ อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรเตรียมจะออกประกาศเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนี้ ซึ่งถ้ามีประเด็นใหม่ที่น่าสนใจ K-Expert จะนำมาอัพเดตให้รับทราบโดยทั่วกันอีกครั้งค่ะ ติดตามบทความที่เกี่ยวข้องกับ “เงื่อนไข LTF/RMF ที่เปลี่ยนไป มีผลกับเราอย่างไรบ้าง” ได้ที่ www.askKBank.com/K-Expert หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับที่ปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ K-Expert@kasikornbank.com และติดตามข่าวสารการเงินได้ที่ Twitter@KBank_Expert